ทำสมาธิเมื่อสติแตกในที่ทำงาน ด้วย 6 ขั้นตอนแค่ 5 นาที

ทำสมาธิเมื่อสติแตกในที่ทำงาน ด้วย 6 ขั้นตอนแค่ 5 นาที

เมื่อพูดถึงการทำงานก็ต้องมีต้องมีบางวันที่เรานั้นอาจจะ “สติแตก” ในที่ทำงานได้ โดยอาจจะเป็นเรื่องงานหรือคนรอบตัว ซึ่งเมื่อสติแตกสิ่งที่หลายคนนึกถึงเพื่อระงับอารมณ์นั้นก็คือ การทำสมาธิ เมื่อพูดถึงการทำสมาธิ เราอาจจะนึกถึงภาพการนั่งสวดมนต์ ประนมมือเป็นดอกบัว ฟังเสียงระฆัง เพ่งสมาธิกับดวงตาที่สาม หรืออาจจะมีความคิดที่ออกจะโบราณหน่อย ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัตินี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำสมาธิมันง่ายกว่านั้นมาก เพราะทุกอย่างทำได้ด้วยตัวของเราเอง

การทำสมาธิอาจมีหลายรูปแบบ แต่การทำสมาธิมาแนะนำนี้ คือการปฏิบัติที่ช่วยให้เรากลับมามีจิตใจ อารมณ์ และร่างกายที่มั่นคงอีกครั้ง หลังจากที่เผชิญกับสถานการณ์น่าอึดอัด กระอักกระอ่วนชวนสติแตก การทำสมาธิจะช่วยให้เราผ่อนคลายจากความเครียดและความวิตกกังวล และทำให้เราสงบลงได้ในชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งการทำสมาธิไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์อะไรเลย อันที่จริง ๆ สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบก็อาจจะไม่จำเป็นด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น แค่ลองทำ 6 ขั้นตอนนี้ เพื่อเรียกสติสตังในช่วงวันที่วุ่นวายให้กลับมาใน 5 นาที ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย

ตั้งเวลา

เราไม่สามารถทำสมาธิไปพร้อม ๆ กับการนั่งจ้องนาฬิกาเพื่อดูเวลาหรอกนะ ดังนั้นให้ตั้งนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ ตามหลักแล้วเราควรตั้งเวลาไว้ที่ 5 นาที เพื่อให้เพียงพอสำหรับการทำสมาธิโดยสมบูรณ์ แต่ระยะเวลาที่แน่นอน จริง ๆ มันขึ้นอยู่กับตัวเราเองต่างหาก ฉะนั้นไม่สำคัญเลยว่าเราจะนั่งสมาธิ 30 วินาทีหรือ 5 นาที ถ้าเราคิดว่าเวลาเท่านี้แหละเหมาะสมแล้ว

ให้ตัวเองอยู่ติดพื้น

ถ้าเราสามารถนั่งหรือนอนราบไปกับพื้น ซึ่งไม่สำคัญว่าเราจะเลือกทำท่าทางเหล่านี้ที่ไหน ขอแค่สถานที่นั้นสะดวกพอสำหรับการทำสมาธิ 5 นาทีของเรา ถ้าเราจะนั่ง เราจะนั่งไขว่ห้างบนพื้น หรือนั่งบนเก้าอี้โดยวางเท้าให้ราบสัมผัสกับพื้นอย่างมั่นคงก็ได้

สำรวจท่าทาง

เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าการนั่งหลังงอไม่ดีต่อสุขภาพ ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มตั้งสมาธิ ให้ใช้เวลาสักครู่เพื่อสำรวจท่าทางของตัวเองว่าอยู่ในท่าไหน ถ้ากำลังนั่งอยู่ พยายามนั่งให้หลังตรงที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่เกร็ง ให้ไหล่ คอ และกรามผ่อนคลาย จากนั้นค่อย ๆ ใช้จิตใจสำรวจส่วนต่าง ๆ ของร่างกายส่วนที่เหลือ ว่ายังมีบริเวณไหนที่เกร็งหรือตึงอยู่

ทำอย่างไรกับดวงตา

ขณะทำสมาธิ เราจะหลับตาหรือลืมตาก็ได้ ถ้าอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว เราอาจอยากหลับตาเพื่อให้สงบที่สุด แต่ถ้าเรานั่งอยู่ในสำนักงานที่คนพลุกพล่าน เราอาจอยากลืมตาเพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าเราง่วงและแอบหลับ หากลืมตาทำสมาธิ ให้หาจุดโฟกัสด้านหน้าที่ห่างออกไปประมาณ 3 ฟุต โฟกัสสิ่งนั้นตลอดการทำสมาธิ (เราสามารถจ้องที่จุดอะไรก็ได้บนคอมพิวเตอร์ ถ้ามันช่วยให้เราทำสมาธิได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น) เพราะไม่ว่าเราจะหลับตาหรือลืมตา ความสำคัญคือการยึดมั่นในการทำสมาธิต่างหาก

จดจ่ออยู่กับลมหายใจ

เมื่อเริ่มจับเวลาทำสมาธิ ให้พยายามไปจดจ่ออยู่กับการหายใจ โดยไม่ต้องพยายามเปลี่ยนรูปแบบการหายใจที่ทำให้รู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ คอยสังเกตว่าทุกลมหายใจเข้าออก เรากำลังรู้สึกอย่างไร ลมหายใจตื้น หรือรู้สึกว่าหายใจไม่สม่ำเสมอหรือไม่? ถ้าอย่างนั้นแล้วเราจะมีวิธีหายใจเข้า – ออกลึก ๆ อย่างสม่ำเสมอ และเป็นธรรมชาติได้หรือไม่

สังเกตความสนใจของตัวเอง

ช่วงที่สำคัญที่สุดของในการทำสมาธิตลอด 5 นาที ก็คือตัวเราเอง! โดยเฉพาะ “ความคิดของเรา” ในขณะที่เรากำลังจดจ่ออยู่กับลมหายใจ จิตของเราจะสัมผัสได้ถึงช่องว่างในความคิด อารมณ์ฟุ้งซ่านทั้งหลายจะพยายามแทรกช่องว่างนั้น ดังนั้นหากรู้สึกว่าตัวเองกำลังจมอยู่กับความคิดอะไรก็ตาม ให้ดึงความสนใจให้กลับมาที่ลมหายใจ ไม่ต้องสนใจว่าเราหลุดโฟกัสไปกี่ครั้ง (แต่จะทำได้ขึ้นถ้าฝึกฝน) ทุกครั้งที่หลุดโฟกัส ก็แค่กลับไปจดจ่อที่ลมหายใจเข้าออกใหม่ จนกว่านาฬิกาจับเวลาจะดังเตือน

จะเห็นว่าวิธีการทำสมาธิทั้ง 6 ขั้นตอนนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่ต้องสวดมนต์ใด ๆ เพราะมันเป็นการใช้เวลาอยู่กับลมหายใจและความรู้สึกของตนเองเท่านั้น กำหนดเวลาให้เหมาะสม หาสถานที่ที่เหมาะสม สำรวจท่าทางของตนเอง และจดจ่อกับลมหายใจ ก็สามารถเพลิดเพลินกับจิตใจที่สงบในช่วง 5 นาทีนั้นได้แล้ว

แหล่งที่มา : www.sanook.com