อันตรายเมื่อขาดวิตามินแต่ละชนิด

อันตรายเมื่อขาดวิตามินแต่ละชนิด

คนเราต่างก็รู้กันดีว่า วิตามิน นั้นเป็นส่วนช่วยให้ส่วนต่าง ๆ ในร่างกายของเรานั้นแข็งแรงมากขึ้น โดยวิตามินแต่ละชนิดก็จะมีส่วนช่วยในเรื่องที่แตกต่างกันกันออกไป รวมไปถึงปริมาณความต้องการวิตามินแต่ละชนิดในแต่ละวันนั้นก็มีความแตกต่างกัน

ซึ่งถ้าเกิดร่างกายของเรานั้นขาดวิตามินชนิดใดชนิดหนึ่งไป หรือขาดไปหลายชนิดก็จะทำให้ส่งผลเสียหรืออันตรายต่อร่างกายได้ ดังนั้นในวันนั้นเราจะพาไปดูถึงอันตรายที่จะเกิดเมื่อเราขาดวิตามินชนิดต่าง ๆ ไปดูกันเมื่อร่างกายขาดวิตามินจะเกิดอันตรายต่อร่างกายอย่างไร

วิตามินเอ

อันตรายจากการขาดวิตามินเอไปนั้นคือ โรคผิวหนัง เพราะวิตามินเอนั้นมีส่วนสำคัญในการรักษาสภาพเยื่อบุผิวหนัง การขาดวิตามินเอจึงทำให้ผิวพรรณขาดความชุ่มชื้น หยาบกร้าน แห้งแตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณข้อศอก ตาตุ่มและข้อต่อต่าง ๆ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุไปสู่โรคผิวหนังและโรคติดเชื้ออื่น ๆ ได้

ตาฟาง แน่นอนว่าหน้าที่หลักของวิตามินเอคือช่วยในเรื่องการมองเห็น ซึ่งถ้าหากขาดวิตามินเอเป็นเวลานานจะทำให้มองเห็นได้ยากในตอนกลางคืนหรือในที่มีแสงสว่างน้อย ทำให้เยื่อบุตาแห้ง กระจกตาเป็นแผล หากขาดอย่างรุนแรงอาจถึงขั้นตาบอดได้

ความต้านทานโรคต่ำ โดยวิตามินเอนั้นเป็นตัวช่วยที่สำคัญที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานได้อย่างปกติ ถ้าหากขาดวิตามินเอแล้วนั้นจะทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ง่ายอีกทั้งยังทำให้เกิดการอักเสบในโพรงจมูก ช่องปาก คอและต่อมน้ำลาย

วิตามินซี

ผู้ที่ขาดวิตามินซีนั้นมักจะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่อออาหาร ปวดตามข้อต่อต่าง ๆ ของร่างกาย เลือดออกตามไรฟัน เจ็บกระดูก แผลหายช้า เพราะวิตามินซีนั้นทำหน้าที่ต่อต้านการอักเสบและช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอตามร่างกาย โดยการรับวิตามินซีที่ไม่เพียงพอนั้นจะทำให้เส้นเลือดในร่างกายอ่อนแอและทำให้บาดแผลที่เกิดขึ้นตามร่างกายหายช้ากว่าปกติ

เป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย คุณสมบัติของวิตามินซีนั้นคือเป็นตัวต่อต้านสารก่อมะเร็งและช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งถ้าหากร่างกายขาดวิตามินซีก็จะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลง ทำให้ติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ง่าย เป็นโรคลักปิดลักเปิด โดยในเด็กและผู้สูงอายุที่ได้รับวิตามินซีน้อยกว่า 10 มิลลิกรัมต่อวันอาจทำให้เกิดโรคลักปิดลักเปิดได้

วิตามินบี

โดยในวิตามินบีนั้นจะมีแยกเป็นหลายชนิดทำให้อันตรายที่เกิดขึ้นนั้นแตกต่างกันตามวิตามินบีที่ขาด ดังนี้

  • วิตามินบี 1 จะทำให้เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เหน็บชาที่ปลายมือและเท้า ปวดกล้ามเนื้อที่น่อง กล้ามเนื้อกระตุกบ้างเวลา ขาลีบ หอบเหนื่อยง่ายถ้าไม่รักษาอาจเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวายได้
  • วิตามินบี 2 มักจะเกิดพร้อมกับการขาดวิตามินบีอื่นร่วมด้วย อาการเมื่อขาดถ้าเป็นเด็กการเจริญเติบโตจะหยุดชะงัก มุมปากทั้งสองข้างจะแตกหรือที่เรียกว่าโรคปากนกกระจอก รอบจมูกด้านนอกจะอักเสบเป็นสะเก็ดและแตกเป็นขุย ตาจะไม่กล้าสู้กับแสงสว่าง
  • วิตามินบี 3 ผิวหนังจะเกิดการอักเสบเป็นจ้ำ ๆ สีม่วง
  • วิตามินบี 5 อาการที่เกิดขึ้นได้คือ อาเจียน กระสับกระส่าย ปวดท้อง ท้องอืด รู้สึกร้อนที่เท้า เป็นตะคริว อ่อนเพลีย หลับไม่สนิท ซึมเศร้าและหงุดหงิดง่าย
  • วิตามินบี 6 จะมีอาการเบื่ออาหาร
  • วิตามินบี 7 จะปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อต่าง ๆ และมีอาการเหนื่อยหอบ
  • วิตามินบี 9 ลิ้นจะเป็นฝ้า และท้องเสียง่าย
  • วิตามินบี 12 เกิดโรคโลหิตจางชนิดเพอร์นิเซียส มีอาการชาที่แขนและขา อารมณ์แปรปรวน ความเสื่อมและมีปัญหาด้านการมองเห็น

วิตามินอี

หากขาดวิตามินอีนั้นจะส่งผลให้ระบบประสาทมีปัญหา ในกรณีของคนที่ร่างกายนั้นมีปัญหาในเรื่องของการดูดซึมไขมัน และในเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนด การได้รับวิตามินอีในปริมาณที่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดนั้นอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบประสาทและเป็นโรคโลหิตจางได้ โดยเซลล์เม็ดเลือดแดงในนั้นถูกทำลาย จนทำให้อายุสั้นลง

วิตามินดี

การขาดวิตามินดีจะทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อน โดยเฉพาะในเด็กวัยที่กำลังเจริญเติบโต เนื่องจากวิตามินดีจะทำงานร่วมกับแคลเซียมในการช่วยควบคุมระดับแคลเซียมของร่างกาย ซึ่งเมื่อขาดแคลเซียมก็จะทำให้กระดูกที่อยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายนั้นผิดรูป โค้งงอ และขาโก่ง และยังทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนในผู้ใหญ่ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีอาการท้องเสีย นอนไม่หลับ กระวนกระวาย กล้ามเนื้อกระตุก ปัสสาวะบ่อย เป็นหวัดบ่อย กล้ามเนื้ออ่อนแอ ขาดความคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง และความต้านทานโรคน้อยลง

เป็นอย่างไรกันบ้างกับอันตรายของการขาดวิตามินต่าง ๆ ไป อันตราน่าดูเลยใช่ไหมล่ะ ดังนั้นเราควรที่จะทานอาหารที่ให้วิตามินต่าง ๆ ที่ร่างกายต้องการอย่างเพียงพอ หรือถ้าใครไม่มีเวลาหาอาหารที่มีวิตามินมากพอก็แนะนำให้หาวิตามินเสริมมาทานแทนก็ได้นะ