5 เคล็ดลับลดน้ำหนักหลังคลอด
ปัญหาหน้าท้องหย่อนหรือน้ำหนักตัวที่มากจนอ้วนสำหรับคุณแม่หลังคลอดนั้น ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะหลีกเลี่ยงได้ยาก ดังนั้นคุณแม่หลังคลอดคนไหนที่กำลังเผชิญกับการมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น หรืออาจมีปัญหาเกี่ยวกับหน้าท้องหย่อนยานหรือมีพุงเป็นชั้น ๆ วันนี้เราได้นำเคล็ดลับที่ช่วยให้คุณแม่หลังคลอดกลับมามีสุขภาพที่ดีพร้อมหุ่นสวยมาฝากกัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย
ให้ลูกน้อยดูดนมจากเต้า
คุณแม่หลายคนอาจจะสงสัยกันว่าทำไมการให้ลูกน้อยดูดนมจากเต้าจึงช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักและช่วยแก้ปัญหาหน้าท้องหย่อนยานได้ คำตอบก็คือ เพราะในขณะที่ลูกน้อยดูดนมจากเต้านั้น จะส่งผลให้ร่างกายของคุณแม่เกิดการเผาผลาญไปด้วยนั่นเอง
ดังนั้นหากให้ลูกดูดจากเต้าบ่อย ๆ ก็จะสามารถเผาผลาญไขมันได้มากยิ่งขึ้น และโดยส่วนใหญ่ภายในเวลาเพียงแค่ 6 เดือน ร่างกายของคุณแม่ที่ให้ลูกดูดนมจากเต้าเสมอ ก็จะกลับมามีสุขภาพดีและหุ่นสวยตามมา
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง
แน่นอนว่าในช่วงหลังคลอดและกำลังให้นมลูก คุณแม่จะรู้สึกหิวและมักจะต้องกินของว่างอยู่บ่อย ๆ ดังนั้นหากคุณแม่จำเป็นต้องกินของว่างเพื่อเพิ่มพลังงานแก่ร่างกายตัวเอง แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง หรือจะลองเปลี่ยนมากินธัญพืช ผลไม้สด หรือโยเกิร์ตแทนก็ได้เช่นกัน เนื่องจากอาหารประเภทนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยให้หน้าท้องค่อย ๆ กระชับขึ้นอีกด้วย
ดื่มน้ำเปล่าให้มาก ๆ
การดื่มน้ำเปล่าบ่อย ๆ ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ถือเป็นสิ่งที่คุณแม่หลังคลอดควรให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะวิธีนี้ช่วยให้หน้าท้องยุบลงได้เร็ว มีส่วนช่วยกระชับผิวให้เต่งตึงและมีความสวยเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการดื่มน้ำมาก ๆ ยังช่วยกระตุ้นให้น้ำนมของคุณแม่ไหลดียิ่งขึ้นอีกด้วย
พยายามเดินบ่อย ๆ
แม้ว่าคุณแม่หลังคลอดจะไม่สามารถออกกำลังกายได้เหมือนปกติ แต่การเดินบ่อย ๆ ก็ถือเป็นการออกกำลังกายที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีได้เช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงของการพยายามลดน้ำหนักหรือกระชับหน้าท้องหลังคลอด ดังนั้นจึงแนะนำให้คุณแม่หมั่นเดินบ่อย ๆ และควรหลีกเลี่ยงการนั่งหรือการนอนอยู่กับที่เป็นเวลานาน
หมั่นออกกำลังกายยามเช้า
ในช่วงเช้าถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการออกกำลังกายมากที่สุดสำหรับคุณแม่หลังคลอด เพราะช่วยลดไขมันหน้าท้องของคุณแม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยให้คุณแม่สูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอดอีกด้วย ทั้งนี้แนะนำให้เลือกวิธีการออกกำลังกายแบบเบา ๆ อย่างเช่นการเดิน โดยใช้เวลาในการเดินประมาณ 45 นาทีก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
แหล่งที่มา : www.sanook.com