พุงป่องไม่ได้แปลว่าอ้วนเสมอไป

พุงป่องไม่ได้แปลว่าอ้วนเสมอไป

หนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่มีปัญหาเรื่อง “พุง” โต ๆ ถ้าเป็นคนเจ้าเนื้ออยู่แล้ว อาจไม่ได้สงสัยอะไรมากเท่าไรว่าเจ้าพุงกลม ๆ นี้มาจากไหน แต่ถ้าเป็นคนรูปร่างปกติไปจนถึงผอม น้ำหนักก็ต่ำกว่าเกณฑ์ แต่เวลาสวมใส่เสื้อผ้าจะยังเห็นอยู่ว่ามีพุงออกมา อาจจะสงสัยได้ว่าเจ้าพุงนี้มาได้อย่างไร เพราะจริง ๆ แล้วพุงป่องไม่ได้แปลว่าเราอ้วนเสมอไป งั้นวันนี้เราไปดูกันดีกว่าพุงป่องเป็นอะไรได้บ้าง

พุง เกิดขึ้นได้อย่างไร

พุงป่อง เป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในร่างกาย การวัดว่าเรามีพุงหรือไม่นั้นมีหลายวิธี หนึ่งในสูตรที่จำได้ง่ายคือ เส้นรอบเอวของเราไม่ควรจะมากเกินกว่า 80 ซม.สำหรับผู้หญิง และ 90 ซม. สำหรับผู้ชาย ซึ่งสาเหตุแกที่ไปได้และพบได้บ่อยสุดก็คือ

อ้วนลงพุง

พุงป่องขึ้นมาจากมีไขมันในช่องท้อง หรือ ที่เรียกกันภาษาคนทั่วไปว่า อ้วนลงพุง ไขมันในช่องท้องนี้มีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า Visceral fat เป็นไขมันที่อยู่ภายในช่องท้อง ไม่ใช่ไขมันที่ผิวหนังซึ่งเราหยิบจับขึ้นมาเป็นชั้น ๆ ได้

ไขมันในช่องท้องนี้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง รวมไปถึงอัลไซเมอร์ พุงป่องจากไขมันในช่องท้องจึงเป็นคำเตือนจากร่างกายว่า เราควรต้องปรับการกินอาหาร ลดน้ำตาล น้ำหวาน ของหวาน ของทอด เนื้อแปรรูป และออกกำลังขยับร่างกายให้มากขึ้น เพื่อลดไขมันส่วนเกินนี้ จุดประสงค์ของการลดพุงไม่ใช่เพราะความสวยงาม แต่เป็นการดูแลร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ ไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ให้กับร่างกาย

ท้องอืด

พุงป่องอีกประเภทที่พบไม่มากแต่ควรให้ความสนใจมาก คือพุงป่องจากมีน้ำในช่องท้องมากผิดปกติ หรือที่เรียกว่า ท้องมาน จะมีลักษณะพุงโตผิดปกติ ไม่สัมพันธ์กับสัดส่วนร่างกาย เช่น ตัวผอมแต่มีพุงกลมโต มักมีอาการอื่น ๆ ร่วม เช่น ท้องอืด เบื่ออาหาร ขาบวม

สาเหตุของการมีน้ำในช่องท้องนั้นมีหลากหลาย ทั้งจากโรคตับ โรคไต โรคหัวใจ มีการอักเสบติดเชื้อในช่องท้อง รวมไปถึงมะเร็งในช่องท้อง ดังนั้น ถ้าร่างกายส่งสัญญาณพุงป่องผิดปกติในลักษณะนี้ ควรรีบไปตรวจเพื่อวินิจฉัยและหาสาเหตุ

สรุปแล้ว พุงป่อง ไม่ว่าจะจากอ้วนลงพุง หรือ จากสาเหตุอื่น ๆ ล้วนเป็นสัญญาณที่ร่างกายพยายามบอกกับเรา ว่าอาจมีการเสียสมดุลหรือความผิดปกติบางอย่างเริ่มเกิดขึ้น ถ้าอยากจะใช้งานร่างกายกันไปนาน ๆ ต้องหมั่นสังเกตอาการและดูแลอย่างทะนุถนอมในทุก ๆ วัน

แหล่งที่มา : www.sanook.com