7 นิสัยเคยชินเมื่อ Work From Home Part.2
จากที่เคยได้พูดไปในบทความที่แล้วบ้างส่วน เกี่ยวกับ นิสัยเคยชินเมื่อต้อง Work From Home ซึ่งเราพูดกันไปแล้ว 3 ข้อ วันนี้เรามาต่อกันอีก 4 ข้อที่เหลือว่ามีอะไรกันบ้าง ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย
ปากว่าง หาขนมกินจุบจิบทั้งวัน
เพราะในหลาย ๆ ออฟฟิศมักมีกฎเข้มงวดที่ไม่ให้พนกงงานรำอาหารหรือขนมทุกชนิดมากินที่โต๊ะทำงาน เนื่องด้วยภาพลักษณ์บริษัทและความสะอาด จะกินได้ต่อเมื่อลุกไปกินที่ห้องอาหารส่วนกลางหรือร้านอื่น ๆ ในช่วงพักกลางวันเท่านั้น
แต่เมื่อ Work From Home ไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็นว่าเราจะกินอะไรตอนไหน หรือจะเขี้ยวขนมเก๊อบ ๆ ระหว่างทำงาน สั่งเดลิเวอร์รี่มาส่งถึงบ้านยังได้เลย แต่การไม่มีลิมิตในการกิน ทำให้เรากลายเป็นคนกินจุกจิกุดท้ายน้ำหนักพุ่งพรวด อ้วนขึ้นแบบฉุดไม่อยู่ ซึ่งจะตามมาด้วยความเสี่ยงน้ำตาลและไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคความดัน มากันเป็นขบวน
ชีวิติยู่ด้วยคาเฟอีน
เมื่อ Work From Home แล้วตัวเราก็กาแฟกันไม่ได้อยู่ห่างกันอีกต่อไป ทำให้ดื่มกันรัว ๆ เลย คิดงานไม่ออกก็ขอชงกาแฟ ทะเลาะกับหัวในไลน์ก็ขอชงกาแฟสงบสติอารมณ์ สุดท้ายคาเฟอีนพุ่งทะลุกระแสเลือด ซึ่งการดื่มกาแฟมากเกินไปไม่ดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน นอกจากนอนไม่หลับแล้ว อาจทำให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น กระวนกระวาย ปวดหัว และกระตุ้นโรคทางหัวใจบางชนิดได้ ยังไม่นับโรคอ้วนหรือน้ำตาลในเลือดสูง สำหรับคนที่ดื่มกาแฟใส่นมและน้ำเชื่อมเยอะ ๆ อีก
สภาพแวดล้อมไม่เอื้อ ยิ่งทำยิ่งเครียดกว่าอยู่ออฟฟิศอีก
หากทำงานที่ออฟฟิศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเนื้องาน ทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน มันจะเกิดและจบลงแค่ตรงนั้น แต่เมื่อต้อง Work From Home ทุกอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ หลายที่ทำงานจึงให้พนักงานแสตนด์บายตลอดเวลา หากมีปัญหากับใครก็ไปเคลียร์กันซึ่ง ๆ หน้าไม่ได้อีก
ไหนจะเรื่องอุปกรณ์ไม่พร้อม ระบบติดตั้งไม่เสร็จ สุดท้ายคุณภาพงานออกมาแย่กว่าเดิม โดนเจ้านายด่า สำหรับในหลาย ๆ อาชีพที่ไม่ได้ตั้งระบบรองรับหารทำงานออนไลน์ตั้งแต่แรก บอกเลยว่าทำงานที่บ้านคือนรก ร้องไห้กันหน้าคอมก็มี ทั้งหงุดหงิดที่งานแย่และการสื่อสารของทีมที่ไม่ลงตัว เสี่ยงเป็นภาวะซึมเศร้า โรคเครียด โรควิตกกังวล
ไม่ติดต่อใคร ตัดการสื่อสารโลกภายนอก เสี่ยงภาวะซึมเศร้า
สำหรับงานในบางสายอาชีพ ที่จริงสามารถทำที่บ้านคนเดียวได้ แต่ที่ต้องไปออฟฟิศเพราะเป็นนโยบายของบริษัท อยากเห็นหน้าพนักงาน กลัวพนักงานอู้งาน แต่ผลพลอยได้ก็คือเราได้เจอคน เจอสังคมทุกวัน ได้ทักทายเพื่อนร่วมงาน ได้คุยกับหัวหน้า กับป้าแม่บ้าน กับลุงยาม
แต่เมื่อต้องมา Work From Home เต็มตัว บางคนเนื้องานยังทำได้ดีเหมือนเดิม แต่ด้านอารมณ์สังคมคือเหี่ยวเฉามาก เพราะไม่ได้เจอใครเลยตั้งแต่เช้าจรดเย็น ตื่นมาทำงาน เย็นเลิกงาน คลิก ๆ พิมพ์ ๆ อยู่ที่โต๊ะกับคอม ไม่มีใครนั่งข้าง ไม่มีใครแตะไหบ่ชวนไปกินข้าว ไม่มีเสียงคุยดสียงโทรศัพท์อย่างที่คุ้นชิน ซึ่งสำหรับคนที่ Extrovert สังคมจ๋ามาก ๆ นานเขาก็อาจเป็นภาวะซึมเศร้า วิตกกังวลได้ บางคนทักษะทางสังคมลดลงเพราะไม่ได้เจอคนนาน คุยตะกุกตะกัก ไม่กล้าสบตาคนก็มีนะ
ทั้งหมดนี่ก็คือนิสัยเคยชินเมื่อ Work From Home ถ้าใครไม่เคยเจอปัญหาใด ๆ จาก 7 ข้อนี้ ขอปรบมือให้ดัง ๆ เลยว่าเตรียมตัวรับมือมาดีมาก ๆ ขอแสดงความยินดีด้วยที่จะไม่เจอปัญหาสุขภาพมากมายในอนาคต แต่สำหรับผู้ที่พบเจอปัญหาเหล่านี้บ้าง แนะนำให้พักผ่อนบ้างนะ อะไรที่เราโหมมากเกินหรือทำมากเกินไปนั้นใช่ว่าจะดีไปหมดทุกอย่าง ดังนั้นทำเท่าที่พอดี จะได้ Work From Home อย่างมีความสุข
แหล่งที่มา : sistacafe.com