ต่อต้านริ้วรอยแห่งวัยด้วยวิตามิน

ต่อต้านริ้วรอยแห่งวัยด้วยวิตามิน

Anti – Aging หรือการชะลอวัย เป็นที่น่าสนใจของคนทั่วโลกมาหลายช่วงเวลา ซึ่งการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยชะลอวัยได้ นอกจากนั้น ยังช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงแล้ว ต่อต้านการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ชะลอความเสื่อมของร่างกาย ช่วยรักษาความอ่อนเยาว์ให้อยู่กับเราได้ยาวนานมากขึ้น

ซึ่งรู้หรือไม่ว่าในวิตามินบางตัวที่ร่างกายเราได้รับในแต่ละวันนั้นก็มีสารต้านอนุมูลอิสระรวมอยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นถ้าหากต้องการชะลอริ้วรอยต่าง ๆ ก็ควรทานวิตามินที่มีสารต้านอนุมูลอิสระให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน ซึ่งวิตามินเหล่านั้น ดังต่อไปนี้

สารอนุมูลอิสระคืออะไร

สารอนุมูลอิสระ (Free Radical) คือออกซิเจนที่มีประจุลบ ที่ได้จากกระบวนการเผาผลาญให้ร่างกาย ซึ่งเจ้าสารนี้ถ้าไปจับกับไขมันตัวร้าย (LDL) หรือไปรวมตัวกับสารบางชนิดในร่างกาย ก็จะก่อให้เกิดเป็นสารพิษทำลายเนื้อเยื่อ หรือเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมภายในเซลล์ ทำให้เซลล์เปลี่ยนสภาพไป ถือได้ว่าสารอนุมูลอิสระเป็นต้นตอของปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ได้แก่ โรคหัวใจ โรคมะเร็ง ความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย โดยอาหารที่มักเป็นต้นตอของสารอนุมูลอิสระก็จะเป็นพวกอาหารประเภทปิ้ง ย่าง เผาที่ทำให้เนื้อกรอบหรือไหม้เกรียมนั่นเอง

วิตามินที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ

วิตามินบี 3

วิตามินบี 3 หรือไนอาซิน เป็นวิตามินตัวเดียวที่ร่างกายสังเคราะห์ได้จากกรดอะมิโน ช่วยบำรุงสมองและประสาท รักษาสุขภาพของผิวหนัง ลิ้น และเนื้อเยื่อของระบบย่อยอาหาร จำเป็นสำหรับการสังเคราะห์ฮอร์โมนเพศ ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และทำให้ผิวหนังไม่ซีดเซียว

วิตามินบี 3 พบในอาหารทั่วไปที่ได้จากสัตว์และพืช

  • แหล่งที่มีมาก ได้แก่ เนื้อสัตว์ เนื้อปลา ถั่ว ข้าว เครื่องในสัตว์
  • แหล่งที่มีปานกลาง ได้แก่ มันฝรั่ง ธัญพืช
  • แหล่งที่มาน้อย ได้แก่ น้ำนม ไข่ ผักและผลไม้

วิตามินเอ

วิตามินเอมีสาระสำคัญอยู่สองชนิดคือ เรตินอยด์ (Retinoids) และแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) วิตามินเอเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยในเรื่องการป้องกันการเสื่อมอายุของผิวหนัง การซ่อมแซมผิวหนังที่เสียไป นอกจากนี้วิตามินเอ ยังมีความสำคัญต่อกระบวนการเติบโตของผิวหนัง เป็นสาระสำคัญที่ช่วยทำให้ผิวหนังทำงานอย่างปกติ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันมะเร็งและเสริมสุขภาพตา

วิตามินเอ พบในอาหารทั่วไปที่ได้จากสัตว์และพืช

  • อาหารจากเนื้อสัตว์ ได้แก่ ไข่ นม เนย ปลาแซลมอน ปลาแฮลิบัต
  • ผักใบเขียว ได้แก่ บร็อกโคลี ผักโขม หน่อไม้ฝรั่ง
  • ผลไม้ ได้แก่ มะละกอ แคนตาลูป มะเขือเทศ ฟักทอง

วิตามินบีรวม

วิตามินบีรวม หรือวิตามินบีคอมเพล็กซ์ มีความสำคัญต่อสุขภาพผิวหนังเป็นอย่างมาก โดยมีการทำงานส่งเสริมกัน เช่น วิตามินบี 2 ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย วิตามินบี 3 ช่วยกระตุ้นการไหวเวียนของเลือด ทำให้ผิวพรรณสดใส วิตามินบี 7 ทำให้ร่างกายไม่ทรุดโทรม วิตามินบี 9 เรียกอีกชื่อว่ากรดโฟลิก ช่วยเรื่องการเจริญเติบโตของเซลล์ และการสร้างเม็ดเลือดแดง วิตามินบี 12 ทำงานร่วมกับวิตามินบี 9 ช่วยในการเซลล์และกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงเป็นต้น

วิตามินบีรวมพบในอาหารที่ทำจากพืชและสัตว์ ดังนี้

  • ผัก ได้แก่ บร็อกโคลี มันฝรั่ง เห็ด แครอท กระหล่ำปลี ผักโขม
  • ผลไม้ ได้แก่ กล้วย แอปเปิ้ล มะเขือเทศ ส้ม
  • เนื้อสัตว์ ได้แก่ ไข่ เนื้อไก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า

วิตามินซี

วิตามินซีเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจน ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสื่อมสภาพให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว บำรุงผิวพรรณให้เนียนใส ฟื้นบำรุงผิวแห้งกร้านจากการถูกแดดเผา และชะลอการเกิดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิตามินซี พบได้ในผัก และผลไม้สดต่าง ๆ เช่นมะขามป้อม ฝรั่ง กีวี ส้มโอ ส้ม มะนาว มะเขือเทศ หน่อไม้ฝรั่ง บร็อกโคลี

วิตามินดี

วิตามินดีมีส่วนช่วยในกระบวนการทำงานต่าง ๆ ในร่างกายเช่น การดูดซึมแคลเซียม เป็นสื่อกลางระหว่างสมองกับร่างกายในการเคลื่อนไหวของเส้นประสาท กล้ามเนื้อ ระบบภูมิคุ้มกัน ทางการแพทย์อาการภาวะขาดวิตามินดีมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคเบาหวาน ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคมะเร็ง โรคกระดูกผิดปกติ

ร่างกายสามารถรับวิตามินดีได้ 3 ช่องทาง ได้แก่

  • สัมผัสแสงแดดอ่อน ๆ เป็นเวลา 10 – 15 นาที
  • อาหารประเภท ไข่แดง ปลาทะเล ตับ เห็ด ชีส น้ำมันตับปลา
  • ผลิตภัณฑ์เสริมวิตามินดีเข้าไป ได้แก่ นม โยเกิร์ต เนยเทียม วิตามินดีสังเคราะห์ เป็นต้น

แหล่งที่มา : https://www.honestdocs.co/