ทานของอร่อยยังไงให้รอดพุง

ทานของอร่อยยังไงให้รอดพุง

เชื่อได้เลยว่าสาว ๆ หลายคนกำลังประสบพบเจอกับปัญหากันอย่างแน่นอน เวลาเจออะไร ๆ อร่อย ๆ ก็น่าทานไปหมด แถมช่วงนี้เทรนด์ชานมไข่มุก เค้กตามคาเฟ่ก็เยอะมาก ทำให้สาว ๆ จะต้องตามไปลองกันให้ทั่ว แต่สิ่งที่แถมมากับความอร่อยที่สาว ๆ ไม่อยากได้นั่นก็คือ พุง นั่นเอง เมื่อมีพุงมันจะทำให้เราแต่วตัวได้ไม่สวยเหมือนเมื่อก่อน ทำให้สาว  ๆ วิตกกังวลกันอย่างมาก แต่เย็นในก่อนจ้า เพราะในวันนี้เรามีเคล็ดลับในการทานของอร่อยยังไงให้รอดพุง หรือพูดง่าย ๆ ก็คือทานของอร่อยยังไงไม่ให้มีพุงนั่นเอง ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย

จำกัดปริมาณขนมหรือเครื่องดื่มที่ทาน

รู้หรือไม่ว่าปริมาณหรือเครื่องดื่มอร่อย ๆ ที่สาว ๆ ทานเข้าไปกันในแต่ละครั้งนั้นมีปริมาณมากน้อยแค่ไหน ไม่ได้นับกันใช่มั้ยล่ะ ก็เพราะเราตามใจปากมากเกินไป อยากทานเค้กกี่ชิ้น ชานมไข่มุกกี่แก้วหรือขนมคุกกี้กี่ชิ้น เราไม่ได้สนใจเลยเพราะเราแค่อยากทาน แต่น้ำหนักก็จะเพิ่มตามปริมาณที่เราทานไปด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้วเราทุกคนสามารถทานขนมหรือเครื่องอร่อย ๆ ได้ แต่ต้องทานในปริมาณที่จำกัดเท่านั้น ไม่ใช่แค่น้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นนะ โรคต่าง ๆ ก็อาจจะถามหาได้

อยากขนมให้ถูกเวลา

สิ่งที่ห้ามโดยเด็ดขาดก็คือการทานขนมตอนดึก เราไม่ควรทานของหวานตอนมื้อค่ำ หรือก่อนนอน เพราะมันจะทำให้อ้วนลงพุง หรือไขมันสะสม ดังนั้นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการทานก็คือช่วงเช้าถึงประมาณบ่ายสอง เพราะช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายเผาผลาญแคลอรีได้ดี และจะเปลี่ยนเป็นไขมันได้ยาก การเผาผลาญพลังงานของร่างกายจะถูกนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่

เลือกอาหารที่มีวิตามินบี 5

ในเมื่อเราทานขนมได้ เราก็จะต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ได้เช่นกัน แล้วสาว ๆ รู้หรือไม่ว่ามีวิตามินบางตัวที่สามารถช่วยในเรื่องการเผาผลาญได้ ซึ่งนั่นก็คือ วิตามินบี 5 กรดแพนโทธินิค ช่วยในการเมตาบอลิซึมของไขมันและคาร์โบไฮเดรตให้กลายมาเป็นพลังงาน ซึ่งอาหารที่มีวิตามินบี 5 สูงได้แก่ อะโวคาโด ปลาแซลมอน ไข่ ตับไก่เป็นต้น

จำกัดแคลอรี่ในมื้ออื่น ๆ

สาว ๆ คงเคยได้ยินคำว่า นับแคล กันอยู่บ้าง แต่สำหรับสาว ๆ ที่ไดเอทบ่อย ๆ จะคุ้นเคยกับคำนี้เป็นอย่างดี โดยสำหรับสาว ๆ แล้ว ใน 1 วัน การเผาผลาญของร่างกายแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ปริมารแคลอรีที่มาใช้เป็นพลังงานก็ไม่เท่ากัน ซึ่งโดยอัตราเฉลี่ยการเผาผลาญพลังงานพื้นฐานในร่างกายของสาว ๆ จะต้องปริมาณแคลอรีต่อวัน 1,500 – 2,000 กิโลแคลอรี หรือถ้าสาว ๆ อยากให้เป๊ะ ก็ลองคำนวณ BMR ของตัวเองได้ คำนวณแคลอรี่ต่อวันให้เหมาะสมกับร่างกายจะได้ไม่อ้วน

Cheat day จัดเต็มสักวันให้พอใจ

ต้องขอเตือนไว้ก่อนว่าทริคนี้ เหมาะสำหรับคนที่ใจแข็งและเด็ดขาดกับการตัดสินใจของตัวเองเท่านั้นนะ เพราะเราจะได้ทานตามปากให้สุดแค่เพียงวันเดียวเท่านั้น พอข้ามไปวันอื่นคือห้ามทานเด็ดขาด โดยแนะนำว่าให้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าเราจะเลือกทานของหวานเป็น Cheat Day กี่วัน และกำหนดวันให้ชัดเจน สมมติว่าเราจะทำ Cheat Day ของหวานแสนอร่อยเดือนละ 2 ครั้ง ทุกวันที่ 15 และวันที่ 30 ของเดือน แบบนี้เราจะได้รู้ลิมิตการทานของหวานของตัวเอง และที่สำคัญจำกัดปริมาณให้เพียงพอต่อความอยากด้วยนะ คำว่ามากไปยังไงก็ไม่ดีนะ

แหล่งที่มา :  https://sistacafe.com/