โรงงานรับผลิตอาหารเสริม ให้ตรงใจ
ในปัจจุบันนี้นั้นเป็นยุคของธุรกิจ โรงงานผลิตอาหารเสริม ที่ธุรกิจเป็นตัวขับเคลื่อนในหลาย ๆ ด้าน ทำให้มีผู้คนมากมายนั้นหันมาเปิดธุรกิจหรือมีธุรกิจเป็นของตัวเองไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องสำอาง อาหารต่าง ๆ ซึ่งก็จะมี 1 ธุรกิจที่ได้รับความนิยมากที่สุด คงหนีไม่พ้นธุรกิจอาหารเสริม เพราะว่าในปัจจุบันผู้คนหันมาสนใจและดูแลสุขภาพของตัวเองกันมากขึ้น ทำให้อาหารเสริมขายดีเป็นเทน้ำท่า ส่งผลให้มีผู้คนอีกมากมายที่อยากจะมีอาหารเสริมเป็นของตัวเอง โรงงานรับผลิตอาหารเสริม เพื่อจำหน่ายสร้างรายได้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปทำการผลิตกับโรงงานผลิตอาหารเสริมแห่งไหนดี เพราะมีหลายแห่งที่อยู่ในลิสต์จนเลือกไม่ถูก หันมาทางนี้เลย เพราะในวันนี้เรามีเคล็ดที่ไม่ลับในการเลือกโรงงานอาหารเสริมให้ตรงใจกัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย
1.โรงงานผลิตอาหารเสริม เราควรเลือกจาก งบประมาณ ของเรา
งบประมาณหรือทุนที่เราจะใช้ในการรับผลิตอาหารเสริมเนี่ยแหละเป็นเคล็ดลับอย่างแรกให้การเลือกโรงงานอาหารเสริม เพราะว่าแต่ละโรงงานนั้นอาจจะมีการกำหนดเงินลงทุนที่ขั้นต่ำที่แตกต่างกัน ดังนั้นเราจึงควรที่จะศึกษาและประเมินแต่ละโรงงานก่อนว่าจะลงทุนมากน้อยแค่ไหนถึงจะดี แต่ที่สำคัญก็อย่าลืมที่จะเก็บเงินสำรองเอาไว้ใช้ตอนฉุกเฉินด้วยนะ
2. โรงงานรับผลิตอาหารเสริม ที่มีมาตรฐานหรือใบรับรอง
มาที่อย่างที่ 2 กันเลย ต้องขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าข้อนี้มีความสำคัญอย่างมาก เพราะมันคือการรับรองว่าโรงงานที่เราสนใจอยู่นั้นได้มาตรฐานทั้งในด้านของคุณภาพและความปลอดภัย เพื่อที่จะทำให้เราเกิดมีความเชื่อมั่นได้ว่า เมื่อเรามาผลิตอาหารเสริมกับโรงงานแห่งนี้ สินค้าที่ออกมาจะมีทั้งคุณภาพและความปลอดภัย โดยมาตรฐานที่โรงงานอาหารเสริมต้องมีคร่าว ๆ ก็คือ GMP, HACCP, ISO, อย. แต่ถ้าอยากครอบคลุมให้ผู้บริโภคทุกคนสามารถทานได้ แนะนำว่าให้เลือกโรงงานที่มีมาตรฐาน HALAL ด้วยนะ
3.ที่ตั้งโรงงาน
หลังจากประเมินงบดูมาตรฐานกันมาแล้ว ก็มาต่อกันที่ สถานที่ตั้งของโรงงาน ให้มาดูโรงงานที่ลิสต์เอาไว้ว่าโรงงานที่ผ่านการประเมินจากทั้ง 2 ข้อก่อนหน้านั้น โรงงานแต่ละที่ตั้งอยู่ที่ไหน เราสะดวกในการเดินทางหรือไม่ เพราะว่าถ้าเกิดที่ตั้งโรงงานตั้งอยู่ไกลหรืออยู่คนละจังหวัด อาจจะทำให้เดินทางลำบากในเวลาที่สินค้าของเรามีปัญหา ดังนั้นควรเลือกโรงงานที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ บ้านหรือที่ทำงานที่เราสะดวกในการเดินทางดีกว่า
4.มีทีมวิจัย
สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของแบรนด์อาหารเสริมมือใหม่ยังไม่มีประสบการณ์นั้น อาจจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องของสารสกัดต่าง ๆ หรือสูตรที่จะใช้ในอาหารเสริม เพราะฉะนั้นทีมวิจัยเนี่ยแหละที่จะมาช่วยเราให้เรื่องนี้ ซึ่งเขาจะทำการคิดค้นสูตรต่าง ๆ หรือพัฒนาสูตรมาให้เราได้เลือกใช้ในอาหารเสริมของเรา ไม่แน่นะเราอาจจะได้สูตรที่เป็นสูตรเฉพาะแบบที่ไม่มีใครเหมือนก็ได้
5.ระยะเวลาและกำลังในการผลิต
ระยะเวลาในการผลิตนั้นจะเป็นการประเมินกับตัวเราเองว่าเราจะจำหน่ายสินค้าอย่างไรเพื่อไม่ให้สินค้าขาดตลาด เพราะถ้าจำหน่ายสินค้าหมดไปแล้วแต่ถ้าโรงงานยังผลิตไม่เสร็จหรือผลิตไม่ทัน เราจะเสียรายได้ไปฟรี ๆ ดังนั้นควรดูที่ระยะเวลาในการผลิตของโรงงานด้วย ซึ่งระยะเวลาในการผลิตนั้นก็จะเชื่อมโยงกับกำลังในการผลิตเพราะถ้ามีกำลังในการผลิตที่สูงก็จะสามารถผลิตได้รวดเร็ว ซึ่งส่วนมากโรงงานที่มีกำลังการผลิตสูงมักจะเป็นโรงงานระดับใหญ่หรือระดับกลางบางโรงงาน โดยการทุนลงก็จะสูงขึ้นมา แต่ถ้าคิดแล้วว่าลงทุนแล้วคุ้มก็จัดไปเลย
6.บริการ
การบริการที่ดีใคร ๆ ก็อยากกลับมาใช้บริการอีก ดังนั้นเราควรที่จะเลือกโรงงานที่ดูแลเอาใจใส่และคอยติดตามสินค้าของเราอย่างสม่ำเสมอ เพราะเราจะต้องติดต่อกับโรงงานตั้งกระบวนการแรกจนจบการผลิต ถ้าหากเราไปผลิตสินค้ากับโรงงานที่บริการไม่น่าประทับใจล่ะก็สินค้าที่ออกมาอาจจะมีตำหนิบ้าง ไม่ตรงกับที่คุยบ้าง เพราะทางโรงงานไม่ได้ใส่ใจกับสินค้าของเราเท่าที่ควร
7.การจัดเก็บสินค้า
เราควรเลือกโรงงานที่รับผลิตอาหารเสริม ที่มีการเก็บรักษาสินค้าอย่างเหมาะสม สะอาดและปลอดภัย ซึ่งจะช่วยลดภาระของเราและประหยัดเวลา ทำให้เราไม่ต้องไปวิ่งวุ่นหาโรงงานเก็บสินค้าอีกด้วย
8.ทีมการตลาด
ส่วนมากผู้ที่อยากทำอาหารเสริมนั้นมักจะเป็นกลุ่มคนเล็ก ๆ ที่รวมตัวกันไม่มาก ซึ่งถ้าคนในกลุ่มมีคนที่ทำงานด้านตลาดหรือมีหัวด้านการตลาดก็รอดตัวไป แต่ถ้าไม่มีล่ะดังนั้นเราก็จะหาโรงงานที่มีทีมการตลาดไว้คอยซัพพอร์ตเราให้เรื่องนี้ด้วย เพราะถ้าสินค้าดี แต่การตลาดไม่ดียังไงก็ขายไม่ออก
อ้างอิงจาก 10 อันดับ โรงงานผลิตอาหารเสริม ชื่อดังแห่งปี 2561